Monday, 4 December 2023
REVIEW

ไปติดเกาะ พักรีสอร์ตใหม่เกาะล้าน โค้งมนสวย สวนมีเสน่ห์ ห้องพักเก๋แนวมินิมอล

อยากไปเที่ยววันหยุดแต่ไม่อยากไปไกล วันนี้บอสจะพาไปเกาะล้านขับรถแค่สองชั่วโมงก็ถึงทะเลแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่เคยไปเกาะล้าน คงพอรู้ถึงความน้ำใสของทะเล คาเฟ่  ร้านอาหาร และที่สำคัญคือที่พักมากมายที่เรียงรายสองข้างทาง ซึ่งวันนี้บอสจะพาไปทำความรู้จักกับรีสอร์ทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือนใจกลางเกาะล้าน ใครจะเชื่อว่านี่เราอยู่เกาะล้าน

กับ คาร่า คาร่า รีสอร์ต (Cara Cara Resort) เกาะล้าน ซึ่งคำว่า ‘Cara’ เป็นชื่อส้มของประเทศสเปนที่มีสีสันสดใส และนำเสนอความเป็นฤดูร้อน อีกนัยหนึ่งคำนี้ในภาษาลาตินมีความหมายว่า ‘เพื่อน’ รีสอร์ตนี้จึงสื่อความรู้สึกvibe ของซัมเมอร์และฟีลเพื่อนที่มาเอ็นจอยกันในบรรยากาศสดใจ สบายตา ซึ่งที่นี่เพิ่งเปิดให้บริการแบบ Soft Opening เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาเลย ใครกำลังมองหาที่พักใหม่ๆ มาถูกทางแล้ว

ที่ตั้ง 
คาร่า คาร่า รีสอร์ต ตั้งอยู่บนเกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

คะแนนสำหรับที่นี่
 
ราคา 9/10  (ตอนเราไปเป็นราคาช่วง Soft Opening ราคากับห้องพักคุ้มค่ามาก)
บรรยากาศ 10/10 (บรรยากาศที่นี่สดใจ รู้สึกสดใสในสไตล์หรูหรา) 
การบริการ 10/10 (ที่นี่ดูแลแขกดีมากทั้งให้ข้อมูลและการบริการ)

พามาถึงจะเห็นป้ายตัวใหญ่ แค่ป้ายก็มินิมอลแล้ว

ประตูทางเข้าตัวอาคารจะมีความสูงเป็นพิเศษสร้างให้รู้สึกถึงความมินิมอลที่ยิ่งใหญ่

เข้ามาก็จะเห็นมุมของสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาเพื่อให้เป็นไฮไลต์ของรีสอร์ต ซึ่งทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว

เข้ามาจะเจอสระว่ายน้ำเลย

ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 32 ห้องแบ่งเป็น 5 ประเภท อย่าง สแตนดาร์ด สุพีเรียร์ แกรนด์สุพีเรียร์ ห้องแฟมิลี่ 

ตัวอาคารห้องพักเป็นแบบ low-rise เพื่อไม่ให้บังวิวภูเขาที่เป็นเหมือนฉากหลังของโรงแรม ทุกอาคารให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยโทนภายนอกสีขาวที่เข้ากันได้ดีกับงานไม้จากกรอบหน้าต่างกรุกระจกใส เสริมรายละเอียดให้น่าสนใจผ่านลวดลายบนพื้นผิวผนังด้านนอกที่ไปด้วยกันได้ดีกับลายบานประตูทางเข้าห้องพัก

มากันที่ห้องพักของเรา เราได้เป็นห้องข้างๆสระว่ายน้ำเลย

เข้ามาก็เจอสระว่ายน้ำเลย สวยมาก

สไตล์ความโค้ง

สวยสุดและเราชอบสุดต้องยกให้ Pool Villa ที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างกว้าง แม้ตกแต่งในโทนอบอุ่นสบายตา แต่ก็ยังรู้สึกถึงความสดใสผ่านโทนสีของโซฟาและของประดับ ได้ฟีลมินิมอลผสมผสานความโมเดิร์นแบบญี่ปุ่น และเมื่อเปิดม่านออกจะได้ดื่มด่ำไปกับวิวสวนสีเขียวซึ่งถือเป็นอีกไฮไลท์ของคาร่า คาร่าเลยทีเดียว

มุมกระจก บอกเลยว่าแสงดีมาก

มุมอ่างล้างหน้าและมินิบาร์

ที่นี่ครีมอาบน้ำ ยาสระผม และครีมทาตัวใช้เป็นผลิตภัณฑ์ของ Panpuri ด้วยเป็นกลิ่นส้มๆ

ขึ้นมาชั้นบนจะเป็นเตียงนอน

ห้องพักตกแต่งได้เก๋มาก งานอินทีเรียร์เรียบง่าย แต่มีดีเทล

แค่การวางของบนโต๊ะยังมินิมอล

พาฉลองวันเกิดสุดปัง กับโรมแรมใจกลางกรุงเทพ อาหารอร่อย การบริการ 10 10 10

วันเกิดไม่รู้จะไปไหน คิดไม่ออกบอกบอส วันนี้จะพาไป Staycation ฉลองวันเกิด กับอีกหนึ่งโรงแรมดีๆใจกลางกรุงเทพ ที่เหมือนได้มาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่น สบายๆ มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ครบจบแบบเดินไม่กี่ก้าว ในวันหยุดหรือหากใครที่อยากเปลี่ยนสถานที่พักผ่อนใหม่ๆวันเกิดในกรุงเทพต้องมาที่นี่

กับ Kimpton Maa-Lai Bangkok (คิมป์ตัน มาลัย) ตั้งอยู่ที่ หลังสวน ด้วยสไตล์การตกแต่งของโรงแรมเป็นแนว Luxury หรูหราในยุคสมัยใหม่ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่หากใครได้มาจะต้องประทับใจและหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน

ที่ตั้ง
78 ซอย ต้นสน แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 อยู่ในโครงการสินธร ติดกับโรงแรมสินธรเคมปินสกี 

คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 8/10 
บรรยากาศ 10/10 (บรรยากาศที่นี่ดีมาก ร่มรื่น สบายตาในสไตล์หรูหรา)
การบริการ 10/10 (ที่นี่ใส่ใจในรายละเอียดของแขกมากจริงๆ)

ที่นี่จะอยู่ในโครงการสินธร ติดกับโรงแรมสินธรเคมปินสกี และมีสวนส่วนกลางของโครงการสินธรให้เดินเล่น ซึ่งโครงการสินธรตอนเดินให้ความรู้สึกเหมือนอยู่สิงคโปร์ขนาดย่อม ๆ  ใจกลางหลังสวนกันเลยทีเดียว ถ้าหิวก็มี Velaa Sindhorn Village ให้เดินเล่น เลือกร้านอาหารได้ตามใจชอบ หรือถ้าขยันเดินอีกนิด ก็สามารถเดินไปได้ถึงเซ็นทรัลชิดลมและสวนลุมพินีได้เลย

ห้องที่เราพักจะเป็นห้องแบบ Suite (MaaLai with leaving area) ที่ภายในห้องตกแต่งคุมโทนสีดีและหรูมาก มาพร้อมกับวิวเมืองแบบเต็มตาโรแมนติกมาก ส่วนภายในห้องน้ำกว้างมาก แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนแยกย่อยอีกที ทั้งโซนแต่งตัว ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ รวมถึงมีอ่างอาบน้ำวิวสวนลุมพินี่อีกด้วย

มาในส่วนของห้องน้ำ ที่นี่เป็นห้องน้ำลายหินอ่อนสีขาวเรียบหรูที่มีขนาดใหญ่มาก ประกอบไปด้วย Walk-In Closet ที่เก็บเสื้อผ้าได้เพียบ โต๊ะรีดผ้าพร้อมเตารีด อ่างอาบน้ำ ห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์ อ่างล้างหน้าแยก 2 อ่างใช้งานสะดวกสบาย

แช่น้ำไปดูวิวสวยลุมไป ฟินๆ

ห้องน้ำกว้างและแยกเป็นสัดส่วนดีมาก

โซฟานั่งเล่น กับมุมโคมไฟซิกเนเจอร์

นอกจากเซ็ทติ้งเค้กผ้าบนเตียงแล้วที่นี่ก็มีเค้กวันเกิดมาเซอไพรซ์ด้วย

มินิบาร์ของโรงแรมจัดมาครบเซ็ท ชายี่ห้อนี้เราไม่เคยเห็นที่ไหนใช้เลย แต่รสชาติถือว่าดีเลย ให้มาหลายรสชาติ ส่วนกาแฟเป็น Nespresso แคปซูลเฉพาะที่บางโรงแรมชอบใช้ (แคปซูลแบบนี้ไม่มีขายให้ Nespresso ตามบ้าน)

มื้อเย็นของโรงแรม จะมีห้องอาหาร Ms.Jigger ที่ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม บรรยากาศโรแมนติกสุด

ขนมที่เราทานที่ Ms.jigger

ปังสุดในซอยร่วม พาไปตระเวนกินซอยร่วมฤดี ร้านอาหารก็มี คาเฟ่ก็มา

วันหยุดแบบนี้ไม่รู้จะไปไหนดีบอสมีคำตอบ! วันนี้บอสจะพาไปในซอยที่ใครจะรู้ว่านอกจากเป็นแหล่งคอนโดแล้วยังมีร้านอาหารและคาเฟ่แฝงตัวอยู่ในซอยอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวานก็มีให้ได้ไปตามกัน

นั้นก็คือ “ซอยร่วมฤดี” ซึ่งวันนี้เราจะพาไปทานของคาวกับร้าน Little Sunshine café และตามด้วยถ่ายรูปคาเฟ่แนวอาร์ตๆโทนขาวดำกับร้าน Tempered.co

มากันที่ร้านแรก Little Sunshine café คาเฟ่น่ารักที่ซ่อนตัวอยู่ในถนนวิทยุซอย 1 เมนูอาหารและขนมดูน่าทานไปหมด ที่สำคัญเจ้าของร้านเป็นนักกำหนดอาหาร (Dietitian) ที่มาดูแลและทำเมนูเองเลย ร้านนี้เป็นคาเฟ่ที่มีทั้งของคาวและของหวานวันนี้เราจะพาทุกคนไปกินอาหารกันที่นี่ ซึ่งจะเป็นร้านแนวโฮมมี่ๆหน่อย และบรรยากาศจะเหมือนทานอยู่ในห้องครัวที่บ้าน แถมอาหารทุกเมนูยังเป็นแนวที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ด้วย

คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 9.5/10 
บรรยากาศ 9/10 
การบริการ 10/10

การตกแต่งสไลต์น่ารักๆ เหมือนอยู่บ้าน

มีความ Cute ทุกมุม

เมนูแนะนำวันนี้

เป็นแฟนคลับ marimekko แน่ๆ



ที่นี่เขาใส่ใจลูกค้ามาก ในเมนูจะมีบอกว่าคนแพ้อะไรทานได้ไม่ได้บ้าง

อันนี้เป็นอารมณ์ข้าวผัดแซลม่อน รสชาติผสมผสานมาก 

ใครชอบสปาร์เก็ตตี้ต้องถูกใจเมนูนี้แน่ๆ เพราะเขาทำออกมาได้อร่อย และน่ากินมาก เป็นการรวมกันของ 3 ไข่

คุกกี้ซิกเนเจอร์ของทางร้าน น่าทานมาก

เหมือนอยู่ในครัว ซึ่งเป็นครัวที่ทำขนมของทางร้านจริงๆ

สามารถติดต่อร้านได้ที่ 
ร้านเปิดบริการ : 09.00 - 16.00 น. (แนะนำให้โทรไปจองโต๊ะก่อน)
โทร: 09-1889-8327
Facebook: https://www.facebook.com/littlesunshinecafebkk/ 

กระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล ที่พักอย่างปัง!! กิจกรรมแน่น รูปดีเว่อ พร้อมดินเนอร์สุดหรู สามวันสองคืน

ใครชอบทะเลยกมือขึ้นฟ้า! วันนี้บอสจะพาไปเปลี่ยนที่นอนกันถึงกระบี่ เที่ยวคุ้ม กินอิ่ม นอนอุ่น แล้วตื่นมาทักทายธรรมชาติ กินอาหารเช้าริมหาด บ่ายไปสปา ตกเย็นดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตก วันต่อมาก็ล่องเรือไปปืนเขา นั่งปิกนิก บอกได้เลยว่าแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะที่นี่มีให้ครบจบในที่เดียว

กับ The Tubkaak Krabi Boutique Resort กระบี่ ถึง 3 วัน 2 คืน ที่ตั้งของโรงแรม จะอยู่ในบริเวณเขาหงอนนาค หาดทับแขก เป็นชายหาดที่ถูกซ่อนตัวจากภายนอก หน้าของโรงแรมจะเห็นเป็นวิวทะเลอันดามัน สวยงามและเงียบสงบมากจริงๆ ไม่แค่ทะเลแต่ยังเห็นเกาะทั้ง 13 เกาะ เรียงกันอยู่หน้าหาด เหมาะจริงๆกับการเลือกที่พักนี่เป็นหนึ่งในที่พักผ่อน 

คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 9.5/10 (เทียบราคากับบรรยากาศแล้วคุ้มค่าที่ต้องมาพักให้ได้) 
บรรยากาศ 10/10 
อาหาร 10/10 (ที่นี่อาหารอร่อยไปหมดเลยทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น รู้สึกว่ามาถึงภาคใต้แล้ว)
การบริการ 10/10 (ประทับใจการบริการที่นี่มาก)

เข้ามาจะต้องขึ้นมาชั้นบนเพื่อมาล็อบบี้ มองตรงไปจะเป็นวิวทะเล

ตามตำนานของกระบี่แล้ว บริเวณหาดหาดทับแขก จะอยู่ในบริเวณเขาหงอนนาค ซึ่งคนกระบี่เชื่อว่าบริเวณนี้จะเป็นที่อยู่ของพญานาค และ บนเขาหงอนนาคจะมีตาน้ำศักดิ์สิทธิ ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากน้ำตาพญานาค ด้วยฮะ และน้ำที่เราเห็นนี้จะไหลไปทั่วโรงแรมและออกหาดเลย

ศาลาหน้าห้องพักของเรา

หน้าห้องพักของเรา เราพักเป็นห้อง 128 กับ 126 ติดกัน

DELUXE ROOM

เข้ามาในห้อง พบกับความรู้สึกอบอุ่นจากโทนของไม้และไฟสีส้ม ภายในกว้าง เพดานโค้งสูง และหลังคาที่นี่ยังเป็นเป็นวัสดุธรรมชาติ เตียงใหญ่ แถมยังมี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบาร์ที่กินและดื่มได้หมด และตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนขนาดใหญ่

อ่างแบบเปิดแช่ตัวไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติไป

สระว่ายน้ำส่วนกลาง

กิจกรรมแรกของเราเมื่อมาถึงนั่นก็คือ สปา

Welcome drink ของสปาเป็นน้ำมะตูม หอม สดชื่น

หลังจากนวดกิจกรรมต่อไปคือการมาทำกิจกรรมชายหาดกัน แต่ตอนเราไปเหมือนพายุเพิ่งเข้าหาดเลยไม่ค่อยสวยแถมฟ้าครึ้มและก็มีเศษไม้เต็มชายหาดไปหมด ระหว่างนั้นก็นั่งรอพี่ๆพนักงานเก็บเศษไม้ออก

นอนพักโรงแรมสุดวินเทจ ย้อนรอยอดีตอันงดงามกับสถาปัตยกรรมโคโลเนียลร่วม 100 ปี

ใครสายวินเทจยกมือขึ้น! วันนี้บอสจะพาไปพักโรงแรมแนวใหม่ที่ใครจะเชื่อว่าที่นี่อยู่กรุงเทพ แค่ก้าวผ่านประตูไม้ก็เหมือนเข้าไปอยู่ในเรื่อง Night at the Museum เลยกับโรงแรมภายใต้อาคารเก่า ที่บอกได้เลยว่าจะสร้างความประทับใจแนวใหม่ เอาใจสายวินเทจอย่างแน่นอน

กับโรงแรม The mustang blu โรงแรมริมถนนไมตรีจิตต์ ตั้งใกล้หัวลำโพง มีรากฐานจากอาคารยุคสมัยโคโลเนียล ที่มีอายุร่วม 100 ปี ใครจะเชื่อว่าอาคารหลังนี้ผ่านการใช้งานหลากหน้าที่ ทั้งเคย เป็นธนาคาร กระทั่งเป็นสถานอาบอบจนปรับเปลี่ยนอาคารนี้เป็นที่โรงแรม เปิดเผยร่องรอยเดิม แล้วเติมเรื่องราวเข้าไปใหม่ โดย ‘เป็นความเจ็บปวดที่งดงาม’ คือคำนิยามของที่นี่

ที่ตั้ง
ถนน ไมตรีจิตต์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ (ใกล้ MRT สถานีหัวลำโพง ประมาณ 300 เมตร)
ที่จอดรถ
แขกที่เข้าพัก รร. ไม่มีที่จอดรถ ต้องเอารถไปจอดได้ที่ The Quarter Hualamphong (ฟรี 24 ชม. เท่านั้น) โดยอาคารจอดรถอยู่ห่างจากโรงแรม 5 นาที หลังจากการเช็คเอาท์จะได้รับคูปอง 1 ใบ/1 ห้อง เพื่อรับรถ
คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 9.5/10 (เทียบราคากับบรรยากาศแล้วคุ้มค่าจริงๆ) 
บรรยากาศ 10/10 
การบริการ 9.5/10

ที่นี่ได้ใช้ความคลาสสิกอายุกว่าร้อยปีให้ออกมาได้อลังการและสวยน่าถ่ายรูปทุกมุมในแบบ ‘วินเทจรีมิกซ์’ ที่รวมความวินเทจทั้งของวินเทจจริง ๆ และของใหม่ที่ออกแบบให้ดูเป็นวินเทจเอาไว้ได้อย่างลงตัวกันเลยทีเดียว 

ที่นี่มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างเป็น ล็อบบี้ และห้องอาหารเช้าของแขกที่เข้าพัก ส่วนชั้น 2-3 จะเป็นพื้นที่ของห้องพัก 

เริ่มกันที่ล็อบบี้ เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว ตึกนี้เคยเป็นที่ตั้งของธนาคาร Bank of China จึงทำให้มีตู้และเฟอร์นิเจอร์สำหรับงานธนาคารบางชิ้นที่เป็นเหมือนร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของตึกนี้หลงเหลือไว้อยู่ 

บริเวณชั้นล่าง

บริเวณชั้นล่าง

ที่นี่เป็นบันไดหมดเลยไม่มีลิฟต์ 

มองลงไปด้านล่าง

มองไปด้านบนหลังคาของของโรงแรม จะออกแบบให้เป็นเหมือนโดม

มากันที่ในห้องทุกห้องที่นี่ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก จะถูกออกแบบให้อยู่ในธีมเดียวกันทั้งอาคาร แตกต่างที่การตกแต่ง ทำให้แต่ละห้องให้ความรู้สึกที่ชวนมองแตกต่างกันไป

มุมต่างๆ

ไฮไลต์ของห้องนี้คือมีอ่างอยู่กลางห้อง

ห้องพักที่นี่มี 2 ขนาดคือ 30 ตารางเมตร กับ 60 ตารางเมตร บอกเลยว่านี่คือโรงแรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ควรค่าแก่การแวะมาพักสักครั้งในชีวิตจริง ๆ ครับ

เข้ามาจะเจอเตียงนอนเลย

การตกแต่งธีมที่เข้ากันไปหมด ส่องกล้องไปทางไหนก็สวยเข้ากันไปหมด

Whoscall ออกแคมเปญตัดจบแก๊งคอลเซ็นเตอร์! ไม่ต้องรู้มุก คนไทยก็ ‘รู้ทัน’ตั้งแต่เห็นเบอร์

หลากสายแปลกที่โทรเข้ามาแทบจะครบเวลาหลังอาหาร 3 มื้อของคุณๆ ท่านๆ ผ่านเบอร์แปลกของบรรดามิจฉาชีพใต้เงาที่เราเรียกว่า ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ นั้น มักสร้างความวิตกกังวลสำหรับคนที่ ‘ไม่รู้ทัน’ 

พอรับไปพลัน ก็จะเจอเนื้อหาที่ทำให้ต้องแอบหวั่น ว่าฉันไปทำอะไรผิดไว้ ต้องจ่ายค่าบริการอะไร ต้องเสียค่าปรับหรอ ทำไมต้องจ่าย จ่าย และ จ่าย

ฟังดูเหมือนเรื่อง ‘ขำ’ แต่บทนำที่ทำให้ขำแห้ง คือ ดันมีคนไทยที่ ‘หลงเชื่อ’ และถูกหลอกไปแล้วกว่า 6.4 ล้านครั้ง คิดเป็นเงินสูญเสีย ก็เบาะๆ แค่ 1,600 ล้านบาทเองในปีที่ผ่านมา 

แน่นอนว่า แม้ทุกวันนี้ ข่าว ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ จะเริ่มปล่อยออกมาให้คน ‘รู้ทัน’ กันมากขึ้น เพราะมันมีสไตล์ที่หลากหลายออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ภายใต้มุกใหม่ๆ ที่ตามทันบ้าง ตามไม่ทันบ้าง แต่หลายคนเริ่มจับทางได้!!

แต่คำถาม คือ เราเริ่มชินจริงๆ ใช่ไหม? 
ใช่!! เราเริ่มชิน 
แต่…เราก็เริ่ม ‘รำคาญ’
และเมื่อเราเริ่มรำคาญ เราก็อยากหาทางออก!!

เพราะถึงแม้จะเริ่มมีคนรู้ทัน แต่สายแปลกๆ จากบรรดา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ที่หลุดเข้ามา แบบหน้าด้านๆ ทั้งวี่ทั้งวัน มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะไป ‘รู้ทัน’ ได้ง่ายๆ สุดท้ายก็ต้องเผลอไปรับให้รำคาญใจทุกทีไป เพราะหากมีสายสำคัญจริงๆ โทรเข้ามา แล้วเราเลือกไม่รับเลย เดี๋ยวจะงานงอก!! 

จากปัญหา ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่การหลอกลวงเพื่อปลดทรัพย์ แต่กลับพ่วงไปด้วยความน่ารำคาญของสายแปลกจาก ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ก็ไป ‘ปะทุ’ จนเกิดเป็น ‘ไอเดีย’ ให้ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าง Whoscall ต้องออกโรงมาแอกติ้งแบบจริงจัง!!

บาร์สวย โทนชมพู ใจกลางอารีย์ ที่คนเก๋ คนคูล ต้องห้ามพลาด

สายบาร์กลับมาแล้ว! วันนี้บอสจะพาทุกคนไปจิบค็อกเทลที่โรงแรมใจกลางอารีย์ที่ วิวดี แถมเป็นบาร์ริมสระน้ำอย่าง  Craftsman Bangkok กับ Baby Bar

เป็นบาร์สีชมพูที่เป็นส่วนหนึ่งของ Craftsman Bangkok บูทีคโฮเทลเปิดใหม่สไตล์แมน ๆ เท่ ๆ ซึ่งมีความตรงกันข้ามกับ Baby Bar ที่มองดูเผิน ๆ อาจจะดูสวยหวาน แต่กลับเปรี้ยว ชิค และขี้เล่น ที่มีมุมเด็ดคือริมสระว่ายน้ำ ทำให้เราได้บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อน ฟีลอารมณ์อยู่รีสอร์ตริมทะเลที่ไหนสักที่

เปิดทุกวัน : 4PM – 11PM (สำหรับ Baby Bar)
คะแนนสำหรับที่นี่

ราคา 8.5/10  
บรรยากาศ 9/10 
การบริการ 9/10

ซึ่งนอกจากจะมีเมนูเครื่องดื่มแล้วในตอนกลางวันที่นี่จะเปิดเป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟเมนู All Day Breakfast ตั้งแต่ 8.00 น. และหลังจาก 16.00 น. ก็จะสลับเป็นค็อกเทลบาร์ บอกได้เลยว่ากลางวัน กลางคืน ได้ฟิลที่แตกต่างกันเลย วันนี้บอสเลยจะขอพาไปกันตอนกลางคืนละกัน

ซึ่งการตกแต่งร้านได้ตกแต่งร้านให้ออกมาในสไตล์ Rustic Elegance ซึ่งมาจาก Mood & Tone ในภาพยนตร์ของผู้กำกับ Wes Andersan ให้เป็นโทนสีชมพูหวาน พีชๆ ในยุค 90’s การเลือกใช้ของประดับตกแต่งอย่างเช่น โคมไฟ ที่ได้แนวคิดมาจากโมบายของเด็ก หรือแม้แต่วัสดุที่ใช้ประกอบตัวค็อกเทลบาร์ ที่มองแล้วชวนให้นึกถึง Woodblock ของเล่นเด็ก ที่สื่อถึงความขี้เล่น และมีความเก๋ คูล ในขณะเดียวกัน

ตรงข้ามเป็นห้องพักของโรงแรม

ข้างในก็ยังคุมโทน

ค็อกเทลตัว Signature ของทางร้าน  “Baby Shower”

Sunny Day

Truffle Fries

จิบชายามบ่าย ปังๆ สไตล์ผู้ดีอังกฤษ บนโรงแรมห้าดาวสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ

สายจิบชามาทางนี้! วันนี้บอสจะพาไปจิบชายามบ่ายแบบหรูหราปังๆ บนโรงแรมห้าดาวอย่าง Siam Kempinski Hotel Bangkok

กับ Afternoon Tea ที่ หนุมานบาร์ (Hanumanbar)

Afternoon Tea ที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ เป็นอีกหนึ่งบาร์ชายามบ่ายที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ บวกกับได้สัมผัสประสบการณ์ การดื่มชาแบบผู้ดีอังกฤษทั้งทางด้านรสชาติ และบรรยากาศรอบๆ ที่สบายๆ บวกกับเสียงดนตรี รู้สึกเหมือนนั่งจิบชาอยู่ที่สวนดอกไม้ สำหรับใครที่เป็นสายชอบดื่มชากับทานขนม แนะนำที่นี่ให้เป็นหนึ่งในชุดน้ำชายามบ่าย และตอนนี้เป็นช่วง Special กับ Summery Dream Afternoon Tea – Limited Edition Tea

เปิดทุกวัน : 2PM - 5AM (สำหรับ Summery Dream Afternoon Tea ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565)
คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 8.5/10  
บรรยากาศ 9/10 
การบริการ 8.5/10

บรรยากาศที่นั่งหน้าบาร์ที่หันหน้าเข้าหาโถงของโรงแรม

หนุมานบาร์ (ขึ้นมาจากที่จอดรถจะอยู่ด้านซ้ายมือ)

โรงแรมตกแต่งด้วยดอกไม้โทนชมพู ม่วง

ตู้เค้กด้านหน้าบาร์ แต่ละอันน่ากินมาก เห็นแล้วอยากสั่งทุกอันเลย

ฟังดนตรีไป จิบชาไป

เมนูชา และ Afternoon tea ของเราวันนี้

เราสั่งชาเป็นอารมณ์ Mixed Fruit รสชาติหอมเบอร์รี่มาก

ลาเต้เย็น

เมื่องานศิลปะ ขนมหวานและของคาวโคจรมาเจอกัน เลยเกิดเป็น Summery Dream Afternoon Tea – Limited Edition Tea ชุดน้ำชายามบ่ายที่เราสั่ง  โดยชุดน้ำชานี้ครีเอทโดยเชฟขนมหวาน แฟรงส์ อิสเทล ผสมผสานงานศิลปะของนักวาดภาพประกอบชาวไทย จิรายุ คูอมรพัฒนะ หรือในนาม จิรายุ คู (Jirayu Koo) ผู้ออกแบบน้องกลมกลม หญิงสาวทรวดทรงอวบที่มีคาแรกเตอร์สนุกสนาน และมั่นใจในตัวเอง

จิบค็อกเทลแบบ สวย หรู ดูแพง กับบาร์(ไม่)ลับ สไตล์ลักชูรี่ วิบวับ วิวหลักล้าน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สายบาร์ไม่ควรพลาด

ใครสายบาร์มาทางนี้! วันนี้บอสจะพาไปบาร์ที่สวย ไฮโซหรูหรา บนโรงแรมระดับหกดาวอย่าง Capella Bangkok

กับบาร์บรรยากาศสุดหรู บนโรงแรมเปิดใหม่ย่านเจริญกรุง ที่ Stella Bangkok

Stella อยู่บนชั้นล็อบบี้ของโรงแรม Capella Bangkok ในย่านเจริญกรุง ที่นี่มาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์สุดเก๋ หรือเป็นการตกแต่งในช่วงยุคเริ่มต้น Modernism อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากยุคชาวตะวันตก ด้วยลุคที่หรูหรา ดูแพง รายล้อมไปด้วยกระจกใสที่เปิดให้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบปัง ๆ รับรองได้ว่าฟินกับวิวที่นี่แน่ๆ แถมตรงกลางโถงของบาร์จะประดับด้วยคริสตัลสุดอลังการงานสร้างกับนกยูงสีขาวเด่นสง่า ที่บอกได้เลยว่าเป็นมุม Signature ของบาร์นี้เลย

ตรงกลางโถง มุม signature ของบาร์

เปิดทุกวัน : 6PM - 12AM

คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 9/10 (เทียบราคากับบรรยากาศแล้วคุ้มค่ามาก) 
บรรยากาศ 10/10 
การบริการ 10/10                                                                                             

ไม่แค่คอนเซปท์การตกแต่งเท่านั้นแต่ในส่วนของเครื่องดื่มที่นี่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงชื่อดังในตำนาน 4 คน จาก 4 ประเทศซึ่งได้สร้างตำนานที่น่ายกย่องและเป็นตัวแทนของความกล้าหาญมาเป็นคอนเซปท์ของเครื่องดื่ม บอกได้เลยว่าสายบาร์ผู้รักการดื่มและหลงใหลในบรรยากาศที่หรูหรา กับราคาหลักร้อยขนาดนี้ ต้องห้ามพลาด!

บันไดหน้าบาร์ก็มีตกแต่งด้วยคริสตัล

ทางเข้าของบาร์ (ติดต่อการจองตรงนี้ก่อน)

บริเวณบาร์

ตอนเดินเข้ามาจะเจอบาร์เครื่องดื่มหินอ่อนสีขาวดำ และมุมที่นั่งสวย ๆ เหมาะกับการถ่ายภาพกลับไปตรงโถงกลาง เป็นอีกมุมหนึ่งของบาร์ที่มีการตกแต่งในสไตล์ Chinoiseries Revival

การตกแต่งกลางโถงด้วยคริสตัล

หุ่นนกยูงสีขาวสวยสง่าที่ดูโดดเด่น ซึ่งนกยูงเป็นตัวแทนของศักดิ์ศรีและความงาม

ขาว เนียน เกินต้าน!! โรงแรมเกือบ(ลับ)กลางกรุง พา Staycation วิวปัง รูปสวย คาเฟ่เริ่ด ครบจบในที่เดียว

ใครเบื่อทำงานที่บ้านบ้าง! วันนี้จะพาไป #Staycation แบบงานก็ได้แถมรูปก็มี 

กับโรงแรมที่ส่องกล้องไปทางไหนก็ได้รูป ที่ Kene Hotel Bangkok

Kene Hotel Bangkok อยู่ที่ซอย เจริญนคร 35 เป็นโรงแรมที่ตกแต่งแบบสมมาตร โค้งมน สไตล์มินิมอล คลีน สมชื่อ ด้วยความเป็นโทนข๊าวขาว บวกกับสีฟ้าของสระว่ายน้ำที่เป็นมุม Signature ของที่นี่ พอเจอกับแสงแดดแล้วบอกได้เลยว่ามุมไหนก็อาร์ตไปหมด แถมยังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานแบบเลิศๆ ให้ไม่น่าเบื่อแถมยังมีรูปมาลงอีก ไม่ต้องห่วงเรื่องของมุมทำงานเลย เพราะภายในห้องจัดสองมุมสำหรับทำงานชิลๆ ไว้ให้เรียบร้อย หรือสามารถนั่งที่ไหนก็ได้ ทั้งริมสระ คาเฟ่ ที่สำคัญราคาที่นี่สุดประหยัด ทำคอนเทนต์กันได้แบบปังๆ สระว่ายน้ำ อาหารเช้า คาเฟ่ ครบ จบในที่เดียว

คะแนนสำหรับที่นี่
ราคา 8/10 
บรรยากาศ 9/10 
การบริการ 7/10 (โรงแรมเพิ่งเปิดใหม่พนักงานที่นี่ค่อนข้างน้อย)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE BOSS TIMES
Take Me Top