เฉลย!! แซว ‘บิ๊กตู่’ อ่านกระดาษเปล่า ที่แท้อ่านงานระดับสูง ไม่พิมพ์ 2 ด้าน
ภายหลังโลกโซเชียลมีการจับผิดการเยือนญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ซึ่งออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุม International Conference on the Future of Asia (Nikkei Forum) ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤษภาคม 2565 โดยปรากฏภาพนายกฯ นั่งอ่านแต่หน้ากระดาษเปล่าๆ เพื่อสร้างภาพว่าขยันทำงานนั้น
ล่าสุด เฟซบุ๊ก 'Pat Sangtum' ได้โพสต์ข้อความไขข้อข้องใจถึงกรณีดังกล่าวที่มีการวิจารณ์ ‘บิ๊กตู่’ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า...
พระพรหมบัณฑิต ยกคติธรรมจาก ‘คนขับแท็กซี่’ ‘รู้จักพอ รู้จักให้ รู้จักปล่อยวาง’ นำพาชีวิตเป็นสุขได้
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร โพสต์เฟซบุ๊ก ‘คติธรรม วาทะธรรม พระพรหมบัณฑิต’ ข้อความว่า
อาตมาเรียกแท็กซี่คันหนึ่งเพื่อให้ไปส่งที่วัดมหาธาตุ ตกลงจะจ่ายค่าโดยสาร ๕๐ บาท
อาตมานั่งข้างหน้าคู่กับคนขับเมื่อรถแล่นไปพักหนึ่ง คนขับแท็กซี่ถามว่า ท่านบวชพระมานานแล้วหรือ
อาตมาตอบว่าบวชมานานแล้ว
เขาถามต่อ “ท่านบวชแล้วมีความสุขดีหรือ”
“ก็เรื่อยๆ นะ” อาตมาตอบแล้วถามกลับไปบ้างว่า
“คุณขับแท็กซี่มานานแล้วหรือ”
“นานแล้วครับ ผมขับแท็กซี่มา ๒๗ ปีแล้วครับ”
“ขับแท๊กซี่แล้วมีความสุขดีหรือ”
“มีความสุขมากครับ ผบขับแท็กซี่แล้วผมดับทุกข์ได้”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้อาตมานึกถึง เรื่องสิทธาถะที่พายเรือข้ามฟากขึ้นมาทันที
“คุณขับแท็กซี่ตลอดเวลาไม่เคยประกอบอาชีพอื่น เลยหรือ” อาตมาถามต่อ
เขาตอบว่า “ผมเคยขับรถที่กระทรวงแห่งหนึ่ง แต่ผมอยู่ไม่ได้ ผมไม่ชอบระบบราชการที่เล่นพรรคเล่นพวกกันเหลือเกิน ทำราชการต้องมีเส้นสายครับ ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ผลของงาน ค่าของคนอยู่ที่ว่าเป็นคนของใคร ผมเบื่อหน่ายจึงลาออกไปเป็นพนักงานขับรถที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ผมก็อยู่ไม่ได้”
“ทำไม ที่มหาวิทยาลัยนั้นก็มีการเล่นพรรคเล่นพวกกันหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมขอถามหน่อย คนเราเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร คนเรียนมากเป็นคนฉลาดมากขึ้นใช่ไหม”
“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น”
“คนเรียนมากฉลาดมากควรมีความสุขมากขึ้นใช่หรือไม่ แต่ผมว่าไม่จริงประสบการณ์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้นสอนผมว่า คนเรียนมากฉลาดมากกลับทุกข์มากขึ้น พวกดอกเตอร์ ครูบาอาจารย์ที่นั่นมีความทุกข์เหลือเกิน ตัวเองทุกข์คนเดียวไม่พอยังทำให้นิสิตนักศึกษาทุกข์ไปด้วย ที่เป็นเช่นนั้นแสดงว่าต้องมีอะไรผิดพลาดในระบบการศึกษาของชาติเป็นแน่”
“คุณเห็นว่าผิดพลาดอย่างไร” อาตมาซักต่อ
“ผมว่าครูบาอาจารย์สอนผิด พวกเขาสอนให้คนมีความทุกข์แทนที่จะสอนให้คนมีความสุข ผมเตือนพวกเขาให้เปลี่ยนวิธีสอนใหม่เพื่อให้คนมีความสุข พวกเขาไม่เชื่อผม ผมจึงลาออกมาขับแท็กซี่เลยครับ”
“คุณบอกพวกเขาว่าอย่างไร”
“อักษรไทยมีพยัญชนะกี่ตัว” เขาย้อนถาม
“สี่สิบสี่ตัว” อาตมาตอบ
“ในสี่สิบสี่ตัวท่านทราบไหมว่าอักษรตัวไหนดีและตัวไหนชั่วผมไปบอกพวกครูบาอาจารย์ให้สอนเด็กว่าอักษรตัวไหนเป็นตัวดีและตัวใดเป็นตัวชั่วเด็กจะได้ไม่ทุกข์ พวกครูบาอาจารย์ไม่ฟังผม พวกเขาบอกว่าหนังสือไม่มีตัวดีตัวชั่ว มีแต่กลาง ๆ”
อาตมาถามเขาว่า “อักษรอะไรเป็นตัวดี อะไรเป็นตัวชั่ว”
“ตัวชั่วมี ๓ ตัว คือ ล ก ล ตัวดีมี ๓ ตัว คือ พ ห ช”
“ล ก ล หมายถึงอะไร”
เขาตอบว่า “ ท่านเป็นพระไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ล ก ล ก็คือ โลภ โกรธ หลง นั่นไง มันชั่วไหมท่าน”
“ใช่แล้ว โลภ โกรธ หลง เป็นอกุศลมูลคือรากเหง้าของความชั่ว คุณเล่นย่ออย่างนี้ใครจะไปรู้ว่าแต่ พ ห ช คืออะไร เป็นตัวดีจริงหรือเปล่า”
ทวดชาวเวเนฯ ครองแชมป์ ‘ชายอายุยืนที่สุดในโลก’ เตรียมฉลองวันเกิดครบ 113 ปี ศุกร์นี้
ฮวน วิเซนเต เปเรซ โมรา (Juan Vicente Perez Mora) คุณทวดชาวเวเนซุเอลา ได้รับการประกาศยืนยันโดย “กินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ด” ให้เป็นชายที่อายุยืนที่สุดในโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเขาจะมีอายุครบ 113 ปีในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (27 พ.ค.)
เปเรซ โมรา มีหลานแล้วทั้งหมด 41 คน, เหลน 18 คน และลื่ออีก 12 คน แต่ทุกวันนี้ยังคงแข็งแรงดี และดื่มเหล้า ‘aguardiente’ วันละถ้วยเป็นประจำ
เอนริเก กุซมัน แพทย์จากคลินิกในเมืองซานโฮเซเดอโบลิวาร์ รัฐตาชิรา (Tachira) ให้ข้อมูลว่า นอกจากความดันโลหิตที่สูงเล็กน้อยและหูที่เริ่มตึงไปตามวัย คุณทวดต้องถือว่าเป็นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพดีมากๆ และไม่ต้องรับประทานยาเลย
“ผมว่าท่านยังแข็งแรงดีมากเลยล่ะ” นพ.กุซมัน กล่าว
ครบรอบ 3 ปี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้ถึงแก่อสัญกรรม
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ (26 สิงหาคม 2463 – 26 พฤษภาคม 2562) ประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ ที่ปรึกษาและกรรมการในคณะอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย ระหว่างปี 2523 ถึง 2531 ได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกิดที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ชื่อ “เปรม” นั้น พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เป็นผู้ตั้งให้ ส่วนนามสกุล “ติณสูลานนท์” พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2462 เป็นบุตรชายคนรองสุดท้อง จากจำนวน 8 คน ของรองอำมาตย์โทหลวงวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) ต้นตระกูลติณสูลานนท์ กับนางวินิจทัณฑกรรม (ออด ติณสูลานนท์)
พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในหมายเลขประจำตัว 167 และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อปี 2480 จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเทคนิคทหารบก รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (โรงเรียนนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2477 ต่อมาคือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า)
เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จากนั้นเข้าสังกัดกองทัพพายัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) ทำการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่เชียงตุง
ภายหลังสงคราม พลเอกเปรมรับราชการอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐ ที่ฟอร์ตน็อกซ์ รัฐเคนทักกี พร้อมกับพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ และพลเอกวิจิตร สุขมาก เมื่อปี 2495 แล้วกลับมารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการโรงเรียนยานเกราะ ต่อมามีการจัดตั้งโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า ที่จังหวัดสระบุรี
พลเอกเปรมได้รับพระบรมราชโองการเป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ยศพลตรี เมื่อปี 2511 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้านี้ ท่านมักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า "ป๋า" และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า "ลูก" จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทของท่านมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน
พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล กล่าวถึง คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่แสดงความเห็นว่า ผลการเลือกตั้งใน กทม. ไม่สะท้อนกระแสนิยมของรัฐบาล เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งในจังหวัดเดียว ว่าเป็นคำพูดที่ชวนให้ตั้งคำถามต่อ ว่าทำไม กทม. จึงเป็นเพียงจังหวัดเดียว ที่มีผู้บริหารสูงสุดที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในพื้นที่
เพราะแม้จังหวัดอื่นทั่วประเทศ มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่สังกัดราชการส่วนท้องถิ่น แต่อำนาจส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการจังหวัด กลับตกอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการแต่งตั้งโดยราชการส่วนกลาง ในขณะที่ส่วนท้องถิ่นยังต้องเจอกับข้อจำกัดเกี่ยวกับงบประมาณ ซึ่งทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนในแต่ละจังหวัดได้เท่าที่ควร
นอกจาก กทม. จะผูกขาดอำนาจ มูลค่าทางเศรษฐกิจ และบริการสาธารณะที่มีคุณภาพไว้แล้ว ความแตกต่างในเชิงโครงสร้างการบริหารจังหวัด ยังเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่าง กทม. และ จังหวัดอื่นๆ ที่เรื้อรังมายาวนาน
พริษฐ์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 พ.ค. นับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับชาว กทม. ที่ได้ขีดเส้นทางอนาคตของตนเอง หลังจากกว่า 9 ปี ที่ไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ กว่า 12 ปี ที่ไม่ได้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร โดยผลเลือกตั้งที่ปรากฎเป็นสัญญาณที่ส่งออกมาชัดเจน ว่าพวกเขาต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และไม่ยอมรับผลงานของรัฐบาลและที่มาอันไม่ชอบธรรมซึ่งสืบทอดมาจากคณะรัฐประหาร
พิษสงคราม ทำชีวิตคนอังกฤษสะเทือน อดอยาก-ไร้บ้าน-นอนร้านฟาสต์ฟู้ด
ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่พุ่งกระฉูด ชาวอังกฤษส่วนหนึ่งต้องอดมื้อกินมื้อ-พักพิงในร้านอาหาร
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้ชาวอังกฤษกำลังประสบปัญหาปากท้องท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ และราคาพลังงานที่พุ่งกระฉูด โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษเผยว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ซึ่งระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ 9%
ท่ามกลางราคาพลังงานที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ตลอดจนราคาอาหารและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ชาวอังกฤษจำนวนไม่น้อยต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก
แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) กล่าวว่าปัญหาอาหารราคาสูงและขาดแคลนอันเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน เป็นความกังวลใหญ่สำหรับชาวอังกฤษ และหลายพื้นที่ทั่วโลก
พักพิงในร้านอาหาร
The Guardian รายงานว่าครอบครัวที่ประสบปัญหาในการรับมือกับค่าไฟ กำลังใช้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์เป็นที่พักพิงชั่วคราว โดยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในร้านเป็นครัวฉุกเฉิน ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น
แมทธิว โคล ประธานคณะกรรมาธิการของมูลนิธิ Fuel Bank ซึ่งเป็นหน่วยงานช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ของครัวเรือน กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง ผู้คนกำลังซื้อ Happy Meal ในราคาไม่กี่ปอนด์ให้ลูกๆ และเพื่อพักพิงในร้านแมคโดนัลด์ พวกเขาล้างหน้าและแปรงฟันในอ่าง และดูทีวีเป็นเวลาหลายชั่วโมงด้วย wifi ฟรีของทางร้าน
โคลยังเผยว่าพ่อแม่ที่มีปัญหาด้านการเงินพาลูกๆ ไปที่ศูนย์นันทนาการ Leisure Centre เพื่อใช้ห้องน้ำ บางคนใช้เทียนทีไลท์เพื่อตั้งไฟกระทะ ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามห้ามไม่ให้พวกเขาเผาเฟอร์นิเจอร์หรือพาเลทไม้เพื่ออุ่นร่างกาย
"ปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงมักไม่ใช่ปัญหาเดียว หากคุณประสบปัญหานี้ คุณมักประสบปัญหาด้านอาหารและเครื่องนุ่งห่มด้วย" โคลกล่าว
แคลร์ โมริอาตี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Citizens Advice หน่วยงานอิสระซึ่งให้คำแนะนำด้านกฎหมายเผยว่าหลายครัวเรือนจะไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำอุ่น ต้องอดมื้อกินมื้อ ขณะที่คนพิการอาจไม่มีเงินสำหรับอุปกรณ์ที่สำคัญเนื่องจากค่าไฟที่สูงขึ้น
'หมอเหรียญทอง' ชี้ อย่าเพิ่งมีอคติ ตั้งป้อมต่อต้าน 'ชัชชาติ' ลั่น ต้องให้โอกาสทำงาน แม้จะยังไม่ไว้ใจ
วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ออกโพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัวถึงการชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อย่าเพิ่งมีอคติ หรือมีมโนภาพจินตนาการไปในทางเลวร้ายว่า ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ และคณะจะมาบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ถึงแม้เราอาจจะไม่ไว้วางใจหรือมีความรู้สึกหวาดระแวงพวกเขาก็ตาม
เราต้องยอมรับว่าเสียงส่วนใหญ่เลือกเขามา ขณะเดียวกันการที่เขามาจากเสียงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ สิ่งที่เขาจะทำยังคงต้องเป็นไปตามครรลองคลองธรรมตามกฎหมาย เพื่อชาติบ้านเมือง
การที่ผู้ว่าฯ กทม.และคณะจะประสบความสำเร็จหรือบริหารราชการเมืองไปได้ด้วยดีนั้น ผู้ว่าฯ กทม และคณะจะต้องคำนึงถึงความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วย หาก ผู้ว่าฯ กทม และคณะ หาได้ใส่ใจ ไม่ใยดียี่หระต่องานรักษาความมั่นคงและความสงบสุขเรียบร้อยของเมือง คือ กทม. แล้ว ผู้ว่าฯ กทม.และคณะก็จะประสบปัญหาร้ายแรงจนไม่อาจดำรงอยู่ได้
‘พิธา’ ชี้!! ‘คนกรุงเทพ’ สั่งสอนคณะรัฐประหารผ่านการเลือกตั้ง ตอกย้ำ 8 ปี รัฐประหาร คือ ความล้มเหลว
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯและสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) ว่า วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ สมาชิกสภากรุงเทพ ยังเป็นวันครบรอบ 8 ปีการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากประชาชน บดขยี้ประชาธิปไตยของพวกเราทุกคน
“8 ปีผ่านไป ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าการรัฐประหารคือความล้มเหลว ถึงแม้ว่าคณะรัฐประหารจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฉุดรั้งสังคมไทยไม่ให้เดินหน้า ทั้งการร่างกติกาที่บิดเบี้ยว การทำลายกลไกประชาธิปไตย และบ่อนทำลายกำลังของภาคประชาชน จาก คสช. มาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์ที่รวบรวมนักการเมืองที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของประชาธิปไตยมาไว้ด้วยกัน
“ความเลวร้ายของการรัฐประหาร ตลอดจนความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลประยุทธ์และคณะ ได้ทำให้ประเทศไทยถดถอยและล้มเหลวอย่างน่าอับอาย จนประชาชนไม่อาจฝืนใจเลือกตัวแทนที่เป็นซากเดนจากมรดกรัฐประหารได้อีกต่อไป จากที่เห็นกันในการเลือกตั้งครั้งนี้”
อย่าดีแต่ปาก!! ปารีณา ฟาด ชัชชาติ แน่จริงลาออกมาแข่งกับลุงตู่ แพ้แน่นอน
หลังศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจบลง ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ว่า ฯ กทม. คนใหม่ คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ โดยคะแนนเสียงจากผู้สิทธิเลือกตั้งชาวกรุงเทพฯ แบบถล่มทลาย กว่า 1.3 ล้านเสียง อย่างไม่เป็นทางการ
'พงศ์พรหม' ชี้ ผลเลือกตั้ง กทม.หนนี้ไม่พลิก เหตุคนหลากรุ่น 'เบื่อทหาร - เบื่อขวาที่เก่งแต่ปาก'
'ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ สะท้อนอะไร?'
นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ร่ายยาววิเคราะห์ผลผู้ว่าฯ ล่าสุด
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เอาตรงๆ ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ไม่ได้หักปากกาเซียน
เหตุเพราะ “คนเบื่อทหาร” “เบื่อขวาที่เก่งแต่ปาก” ครับ
>> ส่วนตัว
ผู้ว่าอัศวินมีผลงานดีกว่าผู้ว่าสุขุมพันธุ์เป็นร้อยเท่า
แต่...
>> ในโลกที่เชื่อมกันหมดแล้ว
...ประชาชนต้องการคนที่เป็นคนนำทางสู่อนาคตได้ดีกว่า
...ประชาชนอยากรู้ว่าอะไรคือแนวทางเศรษฐกิจ การศึกษา นวัตกรรม การเดินทางใหม่
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่เป็นการป้องกันตำแหน่งของผู้ว่าอัศวิน ต่อผู้ท้าชิง
แต่เป็นการบอกว่าคนกรุงเทพต้องการการปฏิรูป!!!
การปฏิรูปที่ทหารละเลยมาตั้งแต่วันทำรัฐประหาร
การไม่พูด ไม่ทำ ไม่ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษา เกษตร นวัตกรรม ปากท้อง
วันๆ มีแต่ข่าวทหารตีกัน ข่าวกลุ่มผู้นำรัฐบาลที่ไม่สามารถแสดงถึงการมีความรู้ ความเข้าใจต่อโลกใบใหม่ได้
วันๆ มีแต่อำนาจ ใหญ่โต พิธีเยอะ
>> คนรุ่นใหม่เค้าจึงไม่เอาท่าน!!
แล้วเมื่อหลายๆ ปีผ่านไป
คนรุ่นเก่าก็ไม่เอาท่านด้วยเช่นกัน!!
เพราะข้าราชการใหญ่โตที่ปกครองบ้านเมืองวันนี้ ทำแทบทุกอย่างตรงข้ามกับในหลวงที่คนรุ่นเก่ารัก
...ใกล้ชิดประชาชนเหรอ?
...เข้าใจประชาชนเหรอ?
...ออกมานั่งยองๆแก้ปัญหาน้ำท่วมเหรอ?
...ขุดดินมาดูปัญหาดินเหรอ?
ในหลวง ร.9 ทำ แต่ข้าราชการทหาร “บิ๊กๆ” ที่ห่อสีเหลืองอยู่กลับไม่ทำ
วันๆ เราจึงเจอแต่ความเยอะ ความใหญ่โต ข้าถูกคนเดียว แต่ตอบไม่ได้ว่าอะไร คือ เมืองแห่งอนาคต อาชีพแห่งอนาคต หรือ robotics, eSports, AI
หรือนโยบาย Silver Age ต่อสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุ
มันไม่มีเลย!!
ดังนั้นไม่ว่าผู้ว่าอัศวินจะมีผลงานดีเพียงไร
แต่ก็ต้านกระแสการไม่เอาข้าราชการผู้ใหญ่มาเป็นผู้บริหารประเทศไม่ได้
เพราะผู้ว่าอัศวินถูกกดทับด้วยภาพของทหาร ที่เป็นกลุ่ม “ข้าราชการชั้นปกครอง” เหมือนๆ กัน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 23 ก.พ.65 โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ แจ้งว่า ตนเอง และนางสายทิพย์ ภุมมา คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 118,603,602 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยเป็นทรัพย์สินของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ 22,527,256 บาท เป็นของนางสายทิพย์ 96,031,346 บาท
สำหรับรายละเอียดทรัพย์สิน ประกอบด้วย
-เงินฝากของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 65,437,425 บาท
-เงินลงทุนของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 3,453,676 บาท
-ที่ดินของทั้งคู่มูลค่ารวมกัน 18,802,100 บาท
-โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างในชื่อของนางสายทิพย์ มูลค่า 22,310,400 บาท
-ยานพาหนะของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 2,805,000 บาท
-ทรัพย์สินอื่นของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 5,795,000 บาท
คนใจบุญ!! ‘อาม่าวารุณี’ บริจาคที่ดิน 25 ไร่ เงิน 200 ล้าน สร้างศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ จ.สมุทรสาคร
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่งเมื่ออาม่าวัย 72 ปี บริจาคที่ดินจำนวน 25 ไร่ พร้อมเงินสด 200 ล้าน สร้างศูนย์เวชศาสตรผู้สูงอายุ โรงพยาบาลศิริราช ที่จังหวัดสมุทรสาคร
สำหรับโครงการศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งอยู่ที่ คลองสี่วาพาสวัสดิ์ ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
โดยมีแผนจะเปิดให้ให้บริการ ในเดือนมกราคม 2566 นับเป็นความโชคดีของคนไทย โดยเฉพาะชาวสมุทรสาคร
ทั้งนี้ “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ” สร้างบนที่ดิน 25 ไร่ ซึ่งคุณสัมพันธ์ และคุณวารุณี อยู่พูนทรัพย์ ได้บริจาคให้กับศิริราช และได้รับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินผ่านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ มี 3 ข้อ คือ
1. สร้างบุคลากรที่จะทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ เช่น แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดูแลคนสูงวัย คนในครอบครัว คนในสังคม
2. ศึกษาวิจัยเพื่อเสนอรูปแบบการดูแลผู้สูงวัยให้สอดคล้องกับบริบทสังคมไทย
3. ศูนย์ทำหน้าที่เป็น Intermediated Care นั่นคือ ผู้สูงวัยเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อหายดีแล้วอยู่ในระยะเตรียมตัวกลับบ้าน
เมื่อเวลา 17.35 น. วันที่ 19 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์นายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พร้อมฉลองพระองค์ครุย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระวิริยะเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรมาโดยตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์และการสาธารณสุข อันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ พระวิสัยทัศน์ที่ทรงตั้งมั่นที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสริมสร้างและสนับสนุนความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องของระบบการแพทย์และการสาธารณสุขไทย
และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์และองค์ประธานหน่วยงานและมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของไทยให้สำเร็จตามพระราชปณิธาน ทั้งยังพระราชทานพระบรมราโชบาย และพระราชทานพระราชทรัพย์ในการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนในทุกมิติ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก (Pandemic) ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนไทยในทุกระดับ
จากพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขอันมีคุณประโยชน์ต่อประเทศอย่างอเนกอนันต์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น สภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงมีมติขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อมาเวลา 17.46 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคล นายสรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอและการออกแบบแฟชั่น แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถที่เป็นเลิศและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นที่ประจักษ์ชัดโดยทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยทรงตั้งมั่นในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง ยั่งยืน และบริบูรณ์ในทุกด้าน เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ ทรงมีพระปรีชาญาณยิ่งในศาสตร์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และด้านการเกษตรผ่านโครงการตามพระราชดำริต่างๆ อีกทั้งในช่วงที่ประเทศต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางวิศวกรรมเวชศาสตร์
รวมถึงพระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ แก่บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อใช้ตรวจหาและรักษาพยาบาล ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งเพื่อป้องกันบุคลากรทางการแพทย์จากโรคโควิด ๑๙ นอกจากนี้ ทรงสนพระราชหฤทัยและมุ่งมั่นศึกษาศาสตร์ด้านการควบคุมยานยนต์ การควบคุมการบินและอากาศยาน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของวิศวกรรมเครื่องกล โดยทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินอากาศยานประเภทต่าง ๆ ทั้งทางทหารและการพาณิชย์จนทรงเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์ และทรงนำความรู้และประสบการณ์ทางด้านการบินมาก่อให้เกิดประโยชน์แก่กองทัพอากาศ และประเทศชาติ โดยทรงปฏิบัติหน้าที่นักบิน ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ
ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการอันเปี่ยมล้นด้วยพระปรีชาญาณยังประโยชน์อย่างหาที่สุดมิได้แก่ปวงพสกนิกรชาวไทย และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ สภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จึงมีมติขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
‘รสนา’ ทิ้งไพ่โค้งสุดท้าย เปิดยุทธศาสตร์ “ไม่เลือกรสนา ชัชชาติมาแน่”
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ยุทธศาสตร์โค้งสุดท้าย ไม่เลือกรสนา ชัชชาติมาแน่
ในโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ดิฉันขอประกาศ “ยุทธศาสตร์ส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมืองและต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ” เพื่อหักล้าง “ยุทธศาสตร์ ไม่เลือกเรา เขามาแน่”
ยุทธศาสตร์ส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมืองเป็นพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ความว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้หมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…”
คนดีในที่นี้ ทรงพระราชทานความหมายไว้ในหลายโอกาส ว่าต้องมี ความซื่อสัตย์สุจริต และการหยุดการทุจริตนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคยทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ในโอกาสเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ ความตอนหนึ่งว่า
“ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคายแต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าไม่ทุจริต สุจริตและมีความตั้งใจมุ่งมั่นสร้างความเจริญ ขอให้ต่ออายุได้ถึง ๑๐๐ ปี ส่วนคนไหนที่อายุมากแล้วขอให้แข็งแรง ความสุจริตจะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นอันตราย…”
หากน้อมนำพระบรมราโชวาท ใส่เกล้าใส่กระหม่อมแล้วจะเห็นว่า การทุจริตแม้เพียงนิดเดียวก็ถือว่าเป็นอนันตริยกรรมของข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ไม่สมควรเข้ามาบริหารบ้านเมืองเลย แต่ถ้าไม่มีการทุจริต พระองค์ท่านตรัสว่า
“ภายใน 10 ปี เมืองไทยน่าจะเจริญ”
ขออัญเชิญพระราโชวาทที่ในหลวงทรงตรัสในคราวเดียวกันอีกว่า “ต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ และไม่ทุจริตเสียเอง” นี่คือที่มาของนโยบายรวบยอดของดิฉัน ที่ว่า “ต้องหยุดโกง กรุงเทพฯ เปลี่ยนแน่”
ดังนั้น ดิฉันจึงขอย้ำว่าขอให้พี่น้องชาว กทม.เลือกผู้ว่าฯ ตามแนวทางแห่งพระบรมราโชวาท ซึ่งอยู่บนหลักการของการส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง ผู้บริหารที่ดีต้องไม่ทุจริตแม้แต่นิดเดียว และต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ
ขณะนี้มีคอลัมนิสต์สื่อใหญ่ ส.ส และพรรคการเมืองบางพรรคออกมาโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้คน กทม.มาลงคะแนนเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ โดยอาศัยดูคะแนนจากผลโพลที่สุ่มมาเพียงพันกว่าคนที่อาจจะมีการจ้างเพื่อปั่นคะแนนมาจูงกระแสให้เสียงจริงของชาว กทม.กว่า 4 ล้านคนหลงเลือกคนที่มีผลคะแนนสูงสุดตามโพล เพื่อใช้ยุทธศาสตร์ “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” แม้คนนั้นจะไม่ใช่คนที่เราศรัทธา ชื่นชอบก็ตาม ต้องกลืนเลือด ฝืนใจ เพื่อเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ คล้ายกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อปี 2556 ที่ใช้ยุทธศาสตร์ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” แต่สร้างความเสียหายภายหลัง
ชาว กทม.ได้ประโยชน์อะไรบ้างจากยุทธศาสตร์นั้น หากเลือกคนที่ถูกกำหนดด้วยมายาคติว่าเป็นพวกของตัวเองไปปกครองบ้านเมือง แต่เขาไปโกงบ้านกินเมือง มันจะมีประโยชน์อะไร มันดีต่อประชาชนชาว กทม.อย่างไร ?
ยุทธศาสตร์ไม่เลือกเรา เขามาแน่ เป็นมายาคติที่ฝ่ายการเมืองใช้ปั่นหัวประชาชนเพื่อให้เลือกฝ่ายตัวเองที่มีธุรกิจการเมืองแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่? ยุทธศาสตร์เบื้องหลังที่แท้จริงคือ “ยุทธศาสตร์แบ่งแยกเพื่อปกครอง” และมาโกงกินภาษีของประชาชน ใช่หรือไม่? ประชาชนชาว กทม.จะได้ประโยชน์อะไร ถ้าฝ่ายที่เราเลือกมาแล้วโกงกินบ้านเมืองสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนไม่ต่างกัน
เมื่อปี 2556 เลือกผู้ว่าฯ ด้วยยุทธศาสตร์นี้ และสิ่งที่คน กทม.ได้ อาทิ
1) อุโมงค์ยักษ์มูลค่ารวมหลายหมื่นล้านแต่ไม่สามารถแก้น้ำท่วมได้
2) การทำสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถในส่วนต่อขยาย ไปถึงปี 2585 เป็นการล็อกสเปกเอื้อประโยชน์ให้บีทีเอสใช่หรือไม่ ทั้งยังเป็นสัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ กทม.ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ทำไปถึงปี 2585 ด้วยงบประมาณ 1.61 แสนล้านบาท โดยรู้ดีว่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักจากหมอชิต-อ่อนนุชที่ให้สัมปทานบีทีเอส 30 ปี สมัยลุงจำลอง ศรีเมือง จะหมดอายุสัมปทานในปี 2572 เป็นการล็อกเสปกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บีทีเอสใช่หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ถูกฟ้องอยู่ใน ปปช.
3) ซุ้มไฟปีใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว งบ 39 ล้านบาท
เอเชียสนไหม? 'รัสเซีย' พร้อมส่งน้ำมันให้ 'เอเชีย-ภูมิภาคอื่น' หากบางชาติยุโรปไม่เอา เพราะแผนคว่ำบาตร
สำนักข่าวรอยเตอร์ - รัสเซียจะส่งน้ำมันที่ถูกปฏิเสธโดยประเทศในยุโรปไปยังเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ รองนายกรัฐมนตรี อเล็กซานเดอร์ โนวัค ของรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี และเสริมว่ายุโรปจะต้องหาน้ำมันทดแทนที่จะมีราคาแพงกว่า
คณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันพุธ (18พ.ค.) เปิดเผยแผนมูลค่า 210,000 ล้านยูโร (220,00 ล้านดอลลาร์) สำหรับยุโรปที่จะยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียภายในปี 2570 และใช้เรื่องนี้เป็นการสลัดตัวจากการพึ่งพาพลังงานรัสเซีย เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว
ยุโรปได้รับน้ำมันรัสเซียประมาณ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) โนวัค กล่าว และเสริมว่ารัสเซียพร้อมที่จะเปลี่ยนเส้นทางเสบียงเหล่านั้นออกจากยุโรป และยุโรปต้องแทนที่น้ำมันดิบที่มีราคาแพงกว่าจากแหล่งอื่น
มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่บังคับใช้กับรัสเซียหลังจากกองทหารบุกเข้าไปในยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ บีบให้ผู้ซื้อน้ำมันจำนวนหนึ่งต้องชะลอหรือปฏิเสธการขนส่งสินค้า ซึ่งทำให้การผลิตน้ำมันของรัสเซียลดลง