พิธีจุดประทีปไต้น้ำมัน วันออกพรรษาของชาวอีสาน
หลังจากที่พระภิกษุสงฆ์ได้อยู่จำพรรษาในอาราม ครบ 3 เดือนตามพระวินัยบัญญัติแล้ว เมื่อถึงวันออกพรรษา ที่เรียกว่า วันมหาปวารณา ชาวพุทธจะถือเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาเพื่อการตรัสอภิธรรมเทศนาโปรดพระมารดาในเทวโลกอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ถ้วนไตรมาส พออออกพรรษาแล้วก็เสด็จมายังโลกมนุษย์โดยเสด็จมาทางบันไดสวรรค์ที่ประตูเมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ (รัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย) วันที่เสด็จลงจากเทวโลกนั้นเรียกกันว่า “วันเทโวโรหณะ” ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือโบราณเรียกว่า วันพระเจ้าเปิดโลก หมายถึง โลกธาตุทั้ง 3 คือ สวรรค์ มนุษย์ และนรก สามารถมองเห็นกันได้
.
มูลเหตุนี้เองชาวอีสานจึงมี พิธีจุดประทีปไต้น้ำมันในเวลากลางคืนตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00 – 20.00 น. เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเฉลิมฉลองวาระที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ ก่อนถึงวันออกพรรษาชาวบ้านจะไปรวมกันที่วัดเพื่อตั้งหอประทีป เรียกตามแต่ละท้องถิ่นว่า หอประทีป, หอฮุ่งเฮือง, หอไต้น้ำมัน ฯลฯ ตั้งเป็นหอเพียงตา ผนังด้านหลังปิดด้วยฝาไม้ไผ่ขัด ตามต้นเสาประดับด้วยต้นกล้วยต้นอ้อย ประดับดอกไม้ เพื่อใช้วางดวงประทีปทำด้วยลูกตูมกาขาว ภาคอีสานเรียก หมากขี้กา ซึ่งชาวบ้านจะนำมาเจาะรูคว้านเนื้อด้านในออกใส่น้ำมัน พร้อมไส้ทำด้วยฝ้าย (มีลักษณะเหมือนตะเกียง) หรือนำลูกตูมกานำมาผ่าครึ่งขูดเอาเนื้อด้านในออกใส่เทียนไขทำไส้เป็นรูปตีนกา บางท้องถิ่นนำลูกตูมกาคว้านเอาเนื้อและเมล็ดข้างในออก จากนั้นใช้มีดแกะลายต่างๆ อย่างประณีต ส่วนล่างเจาะรูไว้สำหรับสอดเทียนเข้าไปด้านใน เมื่อเวลาจุดเทียนแสงก็จะออกตามลายที่แกะ ทำให้มีความสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
.
พิธีจุดประทีปไต้น้ำมัน ชาวอีสานจัดประกอบพิธีทั้งหมด 3 วัน คือ วันไต้ประทีปน้อย ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 วันไต้ประทีปใหญ่ ในวันวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และวันไต้น้ำมันล้างหางประทีป ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันสุดท้าย
.
ตอนเช้าในวันแรม 11 ค่ำ เดือน 11 มีการตักบาตรเทโวโรหณะ ถวายภัตตาหาร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา บางท้องถิ่นมีการกวนข้าวทิพย์ และถวายต้นปราสาทผึ้งด้วย ถือเป็นงานบุญสำคัญอีกอย่างหนึ่งของชาวอีสานที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างไม่เสื่อมคลาย
