ประมาณวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนคือ "วันแห่งความหวัง" หรือ วันสู่เส้นทางรวยของคอหวยหรือวันที่นักเก็งกำไรสลากกินแบ่งรัฐบาลจะตั้งตาลุ้นเลขเด็ดกันอย่างคึกคัก ลองมาไล่ไทม์ไลน์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของ "สลากกินแบ่งรัฐบาล" ในประเทศไทย จนกลายมาเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีการส่งรายได้เข้ารัฐมากที่สุด

ปี 2562 ส่งรายได้เข้ารัฐกว่า 41,916 ล้านบาท / ปี 2563 นำส่ง 46,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.17%
ปี 2564 ล่าสุดนำส่ง 51,124 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 9.71% เป็นที่สังเกตว่าแม้ในสถานการณ์ "โควิด-19" แต่รายได้จากการขาย "หวย" หรือ "สลากกินแบ่งรัฐบาล" ในช่วงปี 2563 - 2564 ไม่ได้ลดลงกลับเพิ่มในอัตราเฉลี่ยถึง 10% ต่อปี
.
ไทม์ไลน์ของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เราสามารถไล่ได้เป็นช่วงเวลาดังนี้

ปี 2417 หรือ 147 ปีก่อนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กรมทหารมหาดเล็กออก "ลอตเตอรี่" เป็นครั้งแรกของประเทศไทย เนื่องจากในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาโดยให้นายเฮนรี่ อาลาบาสเตอร์ เป็นผู้อำนวยการในการออกลอตเตอรี่ โดยได้มีการศึกษาและทำตามวิธีการชาวยุโรป เริ่มพิมพ์ครั้งแรก 20,000 ฉบับ ราคาฉบับละ 1 ตำลึง หรือ 4 บาท โดยรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 100 ชั่ง เท่ากับราว 8,000 บาท ในปัจจุบัน / รางวัลที่ 2 ได้รับ 50 ชั่ง หรือราว 4,000 บาท / รางวัลที่ 3 ได้รับ 25 ชั่ง หรือ 2,000 บาท
.
การออกลอตเตอรี่ครั้งที่ 2 นั้น ล่วงเลยมาอีกครั้งในปี 2460 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออกสลากลอตเตอรี่ของสภารักชาติ ประเทศอังกฤษ จำหน่ายใบละ 5 บาท โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินรางวัลเป็นสัญญาเงินกู้ของคณะกู้เงินในการสงคราม โดยมีสภารักชาติแห่งประเทศอังกฤษ สาขากรุงเทพ เป็นผู้ลงนามและมีประเทศสหพันธรัฐมลายู เป็นผู้ค้ำประกัน

ต่อมาในปี 2466 เป็นการออกลักษณะพิเศษ คือ ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาทในสมัยรัชกาลที่ 6 เพื่อหารายได้ซื้อปืนพระราชทานให้กองเสือป่า และรัชกาลที่ 6 พระราชทานปืนรุ่นนี้ว่า ปืนพระราม 6 ซึ่งมีข้อมูลของหอจดหมายเหตุระบุว่า การออกลอตเตอรี่ได้ออกครั้งนี้และเงียบไปเนื่องจากเกิดภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง
.
ปี 2476 หรือ หลังจากนั้น 10 ปี รัฐบาลในขณะนั้นมีนโยบายที่จะลดการจัดเก็บเงินรัชชูปการ หรือเงินที่เรียกเก็บจากชายไทยที่ไม่ต้องรับราชการทหาร ทำให้รัฐขาดรายได้ส่วนนี้ไป รวมถึงเพื่อนำรายได้ไปใช้จ่ายในด้านการศึกษาและพยาบาล จึงเกิดโครงการออกลอตเตอรี่รัฐบาลขึ้นเรียกว่า "ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม" ให้กรมสรรพกรเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีการพิมพ์ออกจำหน่ายทั้งหมด 1 ล้านฉบับ ฉบับละ 1 บาท โดยใน 1 ปีจะออกรางวัล 4 งวด


ในปี 2477 คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยออก "สลากกินบำรุงเทศบาล" โดยวัตถุประสงค์คือเพื่อนำเงินไปบำรุงกิจการทางเทศบาล ทั้งนี้กำหนดว่าหากเดือนไหนออกสลากให้งดจำหน่ายสลาก โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเดือน พ.ย.2478 และเริ่มออกสลากเดือน เม.ย.2479 ทั้งหมด 500,000 ใบ ฉบับละ 1 บาท ก็มีการออกสลากมาเรื่อย ๆ ด้านกระทรวงมหาดไทยและกรมสรรพากร

ปี 2482 คือยุคที่มีการดำเนินการสลากกินแบ่งรัฐจริงจัง รัฐบาลพันเอกหลวงพิบูลสงคราม ได้โอนย้ายกิจการสลากกินแบ่งรัฐบาล และสลากบำรุงเทศบาล ให้มาสังกัดกระทรวงการคลัง และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งประธานกรรมการคนแรกคือ พระยาพรหมทัตศรีพิลาส หลังจากนั้นปี 2494 ได้ตั้งกองการพิมพ์เพื่อพิมพ์สลากเอง หลังจากนั้นก็มีการออกสลากเรื่อยมา และมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น เช่น 2 บาท 3 บาท 4 บาท 6 บาท 10 บาท 20 บาท เป็นต้น
.
ปี 2546 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีการออกรางวัลแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว เพื่อมาแก้ปัญหาหวยใต้กินและปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยเริ่มมีการจำหน่ายงวดแรก 1 ส.ค.-16 พ.ย.2549 รวมทั้งหมด 80 งวด

ปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2560 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ปรับปรุงและขนาดของสลาก โดยจากเดิมเป็นจำหน่ายเป็นคู่ ราคาคู่ละ 80 บาท หรือฉบับละ 40 บาท ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นฉบับเดียว ราคา 80 บาท ซึ่งเงินรางวัลขณะนี้คือ
รางวัลที่ 1 ออก 1 ครั้ง เงินรางวัล 6,000,000 บาท / รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 คือรางวัลที่เลขตัวสุดท้ายของรางวัลที่หนึ่ง มากกว่าหรือน้อยกว่า 1 หลัก มี 2 รางวัล เงินรางวัล 100,000 บาท / รางวัลที่ 2 ออก 5 ครั้ง เงินรางวัล 200,000 บาท / รางวัลที่ 3 ออก 10 ครั้ง เงินรางวัล 80,000 บาท / รางวัลที่ 4 ออก 50 ครั้ง เงินรางวัล 40,000 บาท / รางวัลที่ 5 ออก 100 ครั้ง เงินรางวัล รางวัล 20,000 บาท / รางวัลเลขหน้า 3 ตัว ออก 2 ครั้ง เงินรางวัล 4,000 บาท / รางวัลเลขท้าย 3 ตัว ออก 2 ครั้ง เงินรางวัล 4,000 บาท / รางวัลเลขท้าย 2 ตัว ออก 1 ครั้ง เงินรางวัล 2,000 บาท
ที่มา https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/502197